ครั้งหนึ่งที่โมซัมบิก (MOZAMBIQUE)
ก่อนอื่นผมต้องขออกตัวก่อนเลยว่าผมมือใหม่สำหรับการเขียนบล๊อกแต่ด้วยใจที่อยากจะนำเสนอสิ่งตัวเองได้ไปเจอมา(และไม่ขอกล่าวถึงคนอื่นเพราะอาจล่วงล้ำสิทธิส่วนบุคคล)ซึ่งน้อยครั้งมากในชีวิตคนเราที่จะได้ห่างไกลบ้านเกิดของตัวเองมาไกลขนาดนี้โดยเฉพาะเด็กผู้ชายบ้านนอกอย่างผม อาจจะเป็นการเรียกว่าการนำเสนอว่าผมไปเจออะไรมาบ้างกับในถิ่นนี้ที่เรียกว่าแอฟริกาโดยเฉพาะในประเทศที่ผมมาอยู่นามว่า "โมซัมบิก" หรืออาจจะเรียกว่าแชร์ประสบการณ์กันก็ได้ครับ"อย่าคิดแต่เพียงว่าคนนั้นคนนี้บอกมาว่ามันต้องเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้อย่าไปเชื่ออะไรจนกว่าคุณจะเห็นด้วยตาคุณเอง"
รูปแสดง : ระยะทางระหว่างบ้านเรา(ประเทศไทย) กับประเทศโมซัมบิก
ธงชาติโมซัมบิก : ธงชาติโมซัมบิกประกอบด้วยแถบสีเขียว
สีดำ สีเหลือง เรียงจากบนลงล่าง
โดยแถบสีดำนั้นมีแถบสีขาวขนาดเล็กขนาบที่ตอนบนและตอนล่าง
ด้านคันธงมีสามเหลี่ยมสีแดง ในสามเหลี่ยมประกอบด้วยดาวสีเหลือง หนังสือสีขาว และปืนยาวติดดาบปลายปืนกับจอบไขว้กัน
รูปแบบธงชาติ ของโมซัมบิกและลักษณะของประเทศและที่ตั้ง
ข้อมูลโดยทั่วไป
พื้นที่รวม 801,590
ตร.กม. (ใหญ่กว่าประเทศไทยประมาณ 1.5 เท่า)
ว่าแล้วก็เทียบให้ดูเลยละกันครับ
ตามรูปข้างล่าง
ประชากรประมาณ 19,792,000
คน/ ความหนาแน่น 25 คน/ตร.กม. (พ.ศ.2548)
สกุลเงิน เมติกาล (Mt),
(MZN) อัตราแลกเปลี่ยนเงินไทย 1 บาท= 1.87
เมติกาล (09/08/16) แต่ตอนผมมาอยู่ที่นี่แรกๆอัตราแลกเปลี่ยน 1 บาท=0.99 เมติกาล (01/04/14)
เอาคร่าวๆละกันครับ ทีนี้ก็รู้จักประเทศนี้กันแล้วใช่มั้ยล่ะครับต่อไปก้เริ่มเดินทางไปประเทศนี้กันเลยครับ ก่อนจะเริ่มก้าวเดินสู่สนามบินสุวรรณภูมิเพื่อไปประเทศโมซัมบิกบอกเลยผมมีเวลาเตรียมตัวแค่สัปดาห์เดียวซึ่งแน่นอนสำหรับชีวิตเด็กบ้านนอกที่ไม่ค่อยได้เดินทางไปต่างประเทศบ่อยนักหรืออาจบอกได้ว่าไม่ค่อยได้นั่งเครื่องบินเลยด้วยซ้ำทำให้ไม่ค่อยกระตือรือร้นเอาตรงๆเลยนะครับไม่รู้จะเอาอะไรไปบ้างแต่มีบางคนเคยบอกว่าถ้าไปต่างประเทศจะต้องเตรียมมาม่าไปเยอะๆและของจำเป็นส่วนตัวแน่นอนผมก็จัดเต็มมาเลยตามคำบอกกล่าวของผู้มีประสบการณ์ทั้งมาม่า
ทั้งขนม ทั้งของใช้ส่วนตัวและอื่นๆเต็มกระเป๋าเตรียมพร้อมแล้วสำหรับการเดินทางที่แสนไกลและไกลบ้าน
ทีนี้ก็เริ่มออกสาร์ตจากไทยโดยสายการบินการ์ต้าแอร์ไลน์(สาบการบินที่ดีระดับต้นๆตามที่เขาว่ากัน)ก็ค่อยอุ่นใจหน่อยสำหรับคนที่มาส่งและพ่อแม่ที่เป็นห่วงเรามาก
มากจนเหมือนจะไม่อยากให้มาแต่ก็เพื่อให้ลูกชายได้โบยบินด้วยตัวเองบ้างก็คงต้องปล่อยมาและได้แค่เป็นห่วงห่างๆอย่างห่วงๆ
อนึ่ง ขอรำลึกคุณแม่สมจิต แสงศรี ที่อุตส่าห์เลี้ยงดูสั่งสอนผมมาจนถึงวาระสุดท้ายของท่านผมไม่มีโอกาศแม้ได้ดูลมหายใจสุดท้ายของท่านเลยเพราะตัวผมติดทำงานอยู่ที่ ผมเดินทางมาที่นี่ 1 ปี หลังจากนั้นแม่ผมก็เสีย(ถึงแม่จะป่วยขนาดไหนแต่แม่ก็ไม่เคยเรียกร้องให้ลูกกลับไปดูแลท่านเลยนี่แหละความรักของแม่ชั่งยิ่งใหญ่ยิ่งนัก) แม่ผู้มีแต่ให้ แม่ผู้ทนลำบากทุกอย่างเพื่อลูกและผลักดันให้ลูกได้ดีกันทุกๆคน เอาล่ะครับรู้สึกเหมือนน้ำเริ่มไหลปริ่มขึ้นมาอีกรอบเมื่อพูดถึงแม่อันเป็นที่รักยิ่งของผม ผมคงได้แต่บอกว่า"รักแม่" และขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่แม่ทำให้ผมและทำให้ผมยืนได้ ณ จุดนี้จนถึงทุกวันนี้
อนึ่ง ขอรำลึกคุณแม่สมจิต แสงศรี ที่อุตส่าห์เลี้ยงดูสั่งสอนผมมาจนถึงวาระสุดท้ายของท่านผมไม่มีโอกาศแม้ได้ดูลมหายใจสุดท้ายของท่านเลยเพราะตัวผมติดทำงานอยู่ที่ ผมเดินทางมาที่นี่ 1 ปี หลังจากนั้นแม่ผมก็เสีย(ถึงแม่จะป่วยขนาดไหนแต่แม่ก็ไม่เคยเรียกร้องให้ลูกกลับไปดูแลท่านเลยนี่แหละความรักของแม่ชั่งยิ่งใหญ่ยิ่งนัก) แม่ผู้มีแต่ให้ แม่ผู้ทนลำบากทุกอย่างเพื่อลูกและผลักดันให้ลูกได้ดีกันทุกๆคน เอาล่ะครับรู้สึกเหมือนน้ำเริ่มไหลปริ่มขึ้นมาอีกรอบเมื่อพูดถึงแม่อันเป็นที่รักยิ่งของผม ผมคงได้แต่บอกว่า"รักแม่" และขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่แม่ทำให้ผมและทำให้ผมยืนได้ ณ จุดนี้จนถึงทุกวันนี้
ครอบครัวผมมาส่งเกือบทุกครั้งที่ผมเดินทาง (ขอบคุณความรักที่มีให้แก่กันครับ)
ครั้งแรกกับ Qatar Airline การเดินทางที่แสนไกลและจะเก็บมันไว้ในความทรงจำเสมอ
ภายในสนามบิน Qatar
ตรวบริเวณเครื่องบินจอด Qatar
นี่แค่เกือบครึ่งทางของการเดินทางที่แสนยาวไกล
ขอหยุดพักตรงหน้าประตูทางขึ้นเครื่องแป๊ปนึง หลังจากลงเครื่องที่สนามบินกาต้าร์แล้วก็ต้องรอเปลี่ยนเครื่องเพื่อเดินทางต่อเครื่องไปยังสนามบินของประเทศโมซัมบิก
ที่เมืองหลวงมาปูโต ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 ชั่วโมง อ้อลืมบอกว่าสายการบินกาต้าร์มีทั้งบินตรงมายังมาปูโตและบางเที่ยวอาจจะต้องไปเปลี่ยนเครื่องที่สนามบิน
O.R Tambo International Airport (South Africa)
จากนั้นจึงขึ้นเครื่องต่อมายังมาปูโตโดยสายการบิน LAM (Mozambique)/South Africa
Airline ทั้งนี้ขึ้นกับสายการบินพันธมิตรที่ท่านได้จองตั๋วเดินทางมาก่อนหน้านี้
สนามบินมาปูโต สาธารณรัฐโมซัมบิก
แต่นี่ไม่ใช่จุดหมายปลายทางที่ผมต้องไปประจำเพื่อทำงานตามที่ได้รับมอบหมายจากบริษัทรายใหญ่ของเรา
โดยผมต้องนั่งเครื่องจากมปูโต้โดยสายการบิน LAM (Always delay : อันนี้ผมเติมเองแต่เจอมาเป็นอย่างนี้จริงๆHaha) ของประเทศโมซัมบิกขึ้นไปทางเหนืออีกประมาณ 2 ชั่วโมง
รวมระยะเวลาการเดินทางเกือบ 20+ ชั่วโมง ด้วยซ้ำ
สนามบิน TETE, Mozambique
ง่ะ...อย่าลืมนะนี่ยังไม่รวมเวลาระหว่างต่อเครื่องอีกประมาณ
3-4 ชั่วโมงของแต่ละสนามบินฟังดูแล้วเหนื่อยมั้ยล่ะสำหรับการเดินทางไกลครั้งแรก
แน่นอนผมก็เหนื่อยครับแต่ยังโชคดีที่มาถึงจุดหมายได้อย่างปลอดภัยและไม่หลงหายไปประเทศอื่น..อิอิ
สายการบินที่สามารถเดินทางมาที่นี่มีหลายสายการบินให้ท่านเลือกนะครับ ยกตัวอย่างเท่าที่ผมเคยนั่งล่ะกัน
สายการบินเอทิโอเปีย : Suvarnabhumi Airport(Thai) àAddis Ababa Bole International (Ethiopia)Airport àAeroporto Internacional de Maputo(Mozambique)àChingozi Airport (TET)สายการบินเอมิเรตส์ : Suvarnabhumi Airport(Thai) àDubai International Airport (Dubai) àO.R Tambo International Airport (South Africa) à àAeroporto Internacional de Maputo(Mozambique)à Chingozi Airport (TET)
สายการบินเคนย่า : Suvarnabhumi Airport(Thai) àJomo Kenyatta International Airport (Kenya) àAeroporto Internacional de Maputo(Mozambique)à Chingozi Airport (TET)
ส่วนถ้าใครอยากนั่งสายการบินไทยมาโมซัมบิกคงต้องบอกว่าเสียใจด้วยละกันครับเพราะตอนนี้เขายกเลิกไม่มีบินมาโมซัมบิกแล้ว ผมยังถือว่าโชคดีที่ได้นั่งก่อนเขาปิดสายการบินไปไม่นานเอง..อิอิ
เอาล่ะรายละเอียดพอได้เดินทางมาถูกแล้วใช่มั้ยครับ
เพื่อนๆที่สนใจก็เลือกได้ความต้องการเลยครับ
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลักอย่างเช่นเงินนั่นแหละผมว่าเพราะการเดินทางมาที่นี่ราคาตั๋วค่อนข้างจะแพงถ้าเทียบกับประเทศอื่นแถบยุโรปที่มักมีคนเดินทางไปเที่ยวกันเยอะๆแต่ที่นี่ไม่ค่อยมีใครมาเที่ยวเท่าไรเพราะด้วยสภาพพื้นที่และสภาพเศรษฐกิจ ให้ลองจินตนาการถึงเมืองไทยเมื่อประมาณ 30 ปีที่ผ่านมาก็ได้ครับ สภาพคล้ายๆประมาณนั้น
เท่าที่ดูผมว่าต้องคนที่ตั้งใจอยากมาเที่ยวจริงๆถึงจะมาที่นี่ได้อย่างเช่นการท่องเที่ยวในเชิงธรรมชาติ
:
ซาฟารี, เดินป่า, น้ำตก,
ภูเขา, ทะเล เป็นต้นซึ่งก็แน่นอนผมก็ชอบแบบนี้อยู่แล้วล่ะครับตามสไตล์เด็กบ้านนอก
(ในรายละเอียดการท่องเทียวผมจะมาเล่าให้ฟังในภายหลัง)
เอาจริงๆนะครับความคิดผมตอนแรกที่คิดถึงภาพแอฟริกาก็คือ
“เป็นดินแดนที่เต็มไปด้วยสัตว์ป่ามีเดินไปตรงไหนก็จะมีสัตว์ป่ามาวิ่งให้เราดูแต่ที่จริงมันไม่ใช่เลยไม่มีแม้แต่กวางสักตัวมาเดินเล่นให้ท่านเห็นซึ่งถ้าท่านอยากจะเห็นสัตว์ป่าเช่นนั้นก็ต้องไปดูที่ซาฟารีซี่งก็มีหลายแห่งในประเทศโมซัมบิกและประเทศใกล้เคียงครับ"
ความสัมพันธ์ด้านการเมืองกับประเทศไทย
ประเทศไทยและสาธารณรัฐโมซัมบิก ได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการฑูตระหว่างกันเมื่อวันที่ 16 เมษายน พ.ศ.2532 โดยประเทศไทยแต่งตั้งให้เอกอัครราชฑูต ณ กรุงพริทอเรียมีอาณาเขตดูแลสาธารณรัฐโมซัมบิกและได้แต่งตั้ง Mr.Carlos Antônio da Conceição Simbine เป็นกงสุลกิตติมศักดิ์ประจำสาธารณรัฐโมซัมบิก ส่วนสาธารณรัฐโมซัมบิกได้มอบหมายให้สถานเอกอัครราชฑูตโมซัมบิกประจำกรุงจาการ์ตา มีอาณาเขตดูแลประเทศไทย และมีสถานกงศุลกิตติมศักดิ์ประจำประเทศไทย โดยมีนายวิชาญ ศิริชัยเอกวัฒน์ ดำรงตำแหน่งกงศุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐโมซัมบิกประจำประเทศไทยขณะที่ประเทศไทยกำลังจะเปิดสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงมาบูโต ในเดือนสิงหาคมนี้ แสดงให้เห็นว่า ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยและโมซัมบิกค่อนข้างบวกและอนาคตคาดว่าจะมีนักลงทุนเข้ามาอีกเยอะและถึงตอนนั้นผมก็อาจไม่อยู่ที่นี่แล้วก็ได้ อ้าวนี่เราคืออันดับต้นๆสำหรับประเทศนี้เลยนะเนี่ย ทั้งนี้นักลงทุนก็อาจจะมีทั้งด้านการเกษตร ด้านเหมืองแร่ต่าง (ตอนนี้ค่อนข้างจะย่ำแย่เกี่ยวกับราคาขายออกวัตถุดิบ) และด้านการประมงและอื่นๆ ตามแต่นักลงทุนเห็นเหมาะสม
รถขนส่งถ่านหิน
เหมืองถ่านหินแห่งหนึ่ง
ด้านความเป็นอยู่
สภาพบ้านเมืองเอาเท่าที่ผมได้ประสพพบเจอมาด้วยตัวเองละกันนะครับ เอาเป็นว่าอุปนิสัยของผู้คนยังถือว่าเป็นกันเองดีแต่ก็อย่าไว้ใจมากนะครับมาอยู่ต่างบ้านต่างเมืองยังไงก็ต้องระวังตัวเองกันไว้เยอะๆเพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเองและทรัพย์สินที่ท่านนำพามาอย่าเอาแบบล่อตาล่อใจแหวนกำไรสร้อยคอประกายระยิบระยับอันนี้ไม่รับประกันความปลอดภัยนะครับยิ่งถ้าเป็นผู้หญิงแนะนำว่าอย่าเดินเที่ยวคนเดียวและไม่แนะนำให้ถือกระเป๋าใบใหญ่แล้วเดินเล่นโทรศัพท์ราคาแพงๆ อันนี้คนไทยที่มาด้วยกันก็มีโดนจี้ ปล้น ไปหลายรายแล้วเหมือนกัน ผมก็เคยอยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วย (เอาจริงๆชิวิตจริงไม่คงไม่เหมือนในนิยายนะครับ..มันยิ่งกว่าละครซะอีก!) รักษาดูแลตัวเองกันดีดี สภาพบ้านเรือนก็ขึ้นอยู่กับฐานะของแต่ละครอบครัวครับ
ด้านการขนส่งและถนนหนทาง
ถนนหนทางบางที่ก็ยังเป็นถนนลูกรังมีถนนราดยางก็เป็นถนนเส้นหลักๆที่ใช้เดินทางไปมาระหว่างเมืองหรือระหว่างประเทศในการขนส่งสินค้าอุปโภคและบริโภคและหลักๆก็น่าจะเป็นการขนส่งถ่านหิน
ด้านการศึกษา
ในส่วนของโรงเรียนที่นี่ก็มีตั้งแต่ชั้นประถมจนถึงมหาวิทยาลัยกัยทีเดียว แต่ในต่างจังหวัดก็จะมีแค่ประถม มัธยม เด็กที่มีโอกาสได้เรียนก็ต้องมีฐานะหน่อยเพราะค่าใช้จ่ายในการศึกษาเล่าเรียนที่นี่ถือว่าสูงเอาการเหมือนกัน และการเดินทางไปศึกษาตามพื้นที่ห่างไกลก็ต้องเดินทางด้วยเท้าบางที่ผมเห็นต้องเอาเก้าอี้ไม้ประจำตัวของตัวเองไปโรงเรียนด้วยแล้วขากลับก็แบกกลับมา วันนึงก็ไปเรียนแค่ 1-2 ชั่วโมงก็กลับบางทีผมออกไปหน้างานตอนเช้าเด็กบางกลุ่มก็เดินกลับบ้านแล้วอาจจะเนื่องด้วยคุณครูที่สอนมีจำนวนจำกัดโรงเรียนหนึ่งๆอาจมีอาจารย์สอนแค่คนเดียวด้วยซ้ำแล้วต้องสอนนักเรียนหลายห้องเรียนหลายชั้นเรียน กลับมามองย้อนดูการศึกษาของไทยเรานับว่าเรายังสบายกว่าหลายประเทศด้วยซ้ำแต่แปลกเด็กสมัยนี้ไม่ค่อยเห็นความสำคัญของการศึกษาเท่าที่ควรเลยหรือยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้ว??โรงเรียนและห้องเรียนในพื้นที่ห่างไกล
ด้านสภาพอากาศ
ขึ้นชื่อว่าแอฟริกาแล้วล่ะก็ทุกคนคงคิดว่ามีแต่หน้าร้อนแต่ก็จริงนะยิ่งที่เมือง TETE ร้อนมากจนถึงมากที่สุดอุรหภูมิสูงสุดเท่าที่เคยเจอพุ่งถึง 45 องศาเซลเซียสกันเลยทีเดียว ถึงขั้นต้องนั่งถอดเสื้อทำงานก็มี แต่ช่วงไหนที่หนาวก็หนาวก็หนาวมากยิ่งเป็นช่วงค่ำนี่คุณอาจจะต้องใช้ผ้าห่มสองผืนมาคลุมตัวเลยนะ ส่วนถ้าช่วงไหนเป็นฤดูฝนล่ะก็มันจะมาแบบฟ้ารั่วเลยล่ะ มาเร็วไปเร็วกวาดเรียบทุกอย่างเอาแบบตั้งตัวไม่ทันเผลอมีไอ้เข้แถมมาส่งถึงบ้านกันเลยเคยมีคนเล่าให้ฟังว่าตอนน้ำท่วมใหญ่มีไอ้เข้มาคาบเด็กไปกินชาวบ้านต้องอพยพขึ้นมาอยู่ที่สูงหรือไม่ก็ที่ทางการจัดให้เป็นศูนย์อพยพ
ช่วงฤดูกาลคร่าวๆนะครับ
หน้าฝนจะเริ่มตั้งแต่เดือนธันวาคมจนถึงประมาณเดือนมีนาคม
หน้าหนาวก็จะเริ่มช่วงเมษายนถึงสิงหาคม จะหนาวสุดก็ช่วงเดือนกรกฎาคม
หน้าร้อนอาจจะประมาณสิงหาคมถึงพฤษศจิกายนเลยหรือไม่ก็มีมาบ่อยๆไม่แน่นอน
โรงพยาบาลรัฐบาลและเอกชน
เป็นไข้มาลาเรียรอบที่ 3 ต้องย้ายตัวมารักษาที่เมืองหลวง
ช่วงฤดูกาลคร่าวๆนะครับ
หน้าฝนจะเริ่มตั้งแต่เดือนธันวาคมจนถึงประมาณเดือนมีนาคม
หน้าหนาวก็จะเริ่มช่วงเมษายนถึงสิงหาคม จะหนาวสุดก็ช่วงเดือนกรกฎาคม
หน้าร้อนอาจจะประมาณสิงหาคมถึงพฤษศจิกายนเลยหรือไม่ก็มีมาบ่อยๆไม่แน่นอน
น้ำท่วมสูงสุดในรอบ 50 ปี : ถ่ายเองเมื่อ 14/01/2015
ด้านสาธารณสุข
ที่นี่มีทั้งโรงพยาบาลรัฐบาล เอกชน และสถานีอนามัยเล็กๆยาก็มีน้อยหรือบางที่ก็แทบไม่มีเลยหรือถ้าเลือกรักษาที่โรงพยาบาลเอกชนล่ะก็ค่ารักษาก็คงจะแพงหูฉี่เลยทีเดียว โรคยอดฮิตของที่นี่ก็คงเป็นไข้มาลาเรีย(ผมลองมาแล้วถึงสามครั้ง)หนักเอาการเลยทีเดียวแต่ก็รอดตายมาได้ เท่าที่เห็นเวลาคนที่นี่ไม่สบายเขาก็คิดได้อย่างเดียวว่าเขาเป็นไข้มาลาเรียแต่ไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่าไปหาหมอก็ได้แค่ยาพาราเซตามอลมากินเพื่อบรรเทาอาการเท่านั้นหรือไม่ก็ได้ถุงยางอนามัยมาแทน (เกี่ยวกันมั้ย??) น่าสงสารพวกเขาเหมือนกันผมมาที่นี่ก็ต้องพกยามาจากไทยเรียกว่ายาสามัญพื้นฐานนี่ผมจัดมาเต็มทุกครั้ง
แต่ขอเตือนว่าถ้าท่านกลัวไข้มาลาเรียห้ามกินยามาก่อนจากไทยหรือยาที่บอกว่ากินเพื่อต้านมาลาเรียที่หมอให้มาเพราะถ้ากินยานี้แล้วเวลาเป็นจริงๆจะตรวจหาเชื้อไม่เจอหรือเขาเรียกว่าเชื้อหลบและเป็นอัตรายมากถ้าตรวจเจอตอนเชื้อขึ้นสมองแล้วอาจถึงตายได้เลยทีเดียว
ถุงยางอนามัยที่แจก(ลูกน้องได้มา)แต่ขอเตือนว่าถ้าท่านกลัวไข้มาลาเรียห้ามกินยามาก่อนจากไทยหรือยาที่บอกว่ากินเพื่อต้านมาลาเรียที่หมอให้มาเพราะถ้ากินยานี้แล้วเวลาเป็นจริงๆจะตรวจหาเชื้อไม่เจอหรือเขาเรียกว่าเชื้อหลบและเป็นอัตรายมากถ้าตรวจเจอตอนเชื้อขึ้นสมองแล้วอาจถึงตายได้เลยทีเดียว
โรงพยาบาลรัฐบาลและเอกชน
เป็นไข้มาลาเรียรอบที่ 3 ต้องย้ายตัวมารักษาที่เมืองหลวง
โดยรวมแล้วสำหรับผมถือว่าประเทศนี้ยังเป็นประเทศที่สงบ ไม่วุ่นวายเหมือนเมืองใหญ่ มีทรัพยากรหลากหลาย ผู้คนก็ยังมีรอยยิ้มและมีน้ำใจให้กัน ผมคิดว่าคงจะเหมาะสำหรับคนที่รักธรรมชาติมากเลยล่ะครับสำหรับวันนี้เอาคร่าวๆแค่นี้ก่อนละกันนะครับเดี๋ยววันหลังถ้ามีคนสนใจเข้ามาอ่านผมจค่อยๆทะยอยเขียนเรื่องราวที่ผมเจอมาเล่าให้ฟังอีก ทั้งนี้ผมได้มีโอกาศอยู่ในที่ต่างๆของประเทศนี้มาแล้ว 3 เมืองหลักๆด้วยกัน คือ TETE, QUELIMANE, MAPUTO และก็ได้ไปสำรวจพื้นที่ใกล้เคียง รวมทั้งได้ไปเที่ยวในประเทศใกล้เคียงมาบ้างซึ่งบอกได้เลยว่าเยอะมากจนแทบจะไม่อยากเชื่อว่าจะเกิดขึ้นจริงกับตัวผมเองครับ
ถ้าสนใจอย่างไรก็เข้ามา Comment
กันในเรื่องที่อยากรู้ก็ได้ครับเดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟังในส่วนที่ผมรู้และถ้ามีเวลาผมก็จะตอบทุกคำถามที่คุณสงสัยครับ
สุดท้ายนี้ก็ขอเอาภาพส่วนหนึ่งแบบเรียกน้ำจิ้มมาให้เพื่อนๆและท่านที่สนใจได้ดูกันก่อนซึ่งภาพทุกภาพมันก็จะมีเรื่องราวของมันอยู่เสมอ ตราบเท่าที่ท่านสนใจมัน ภาพทุกภาพมันมีความหมายในตัวของมันเองแค่คุณส่องใปในภาพใบนั้นคุณก็จะนึกถึงเรื่องราวหลากหลายเพราะจิตใจของคนเรามีพื้นที่เก็บอดีตไว้เสมอ
งานหลักของผมคือมาสำรวจเส้นทางรถไฟครับ
บ้านพักขณะทำงานที่เมือง TETE
ต้นเบาบับ ( Baobab) มีชื่อจีนัสคือ Adansonia จัดอยู่ในวงศ์ BOMBACACEAE : เป็นต้นไม้ประจำถิ่นในแถบจังหวัด
Tete และเด่นสง่าท้าทายสายตารอท่านไปเยี่ยมชมอยู่ทุกฤดูกาล
อุทยานแห่งชาติ Gorongosa เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญอีกแห่งในประเทศโมซัมบิก
Songo, Tete มีงานศิลปะที่สวยงามมากจนต้องหยุดถ่ายรูปทุกครั้ง
บ้านดินผสมไม้ตามธรรมชาติที่แสดงถึงวัฒนธรรมแบบแอฟริกาได้ดีทีเดียว
อยากข้ามฟากก็มีเรือบริการนะครับ
น้ำเป็นอะไรที่หายากมาก ถ้าท่านอยากได้ต้องไปขุดหาในที่ไกลบ้านหน่อย
ไก่ย่างสไตล์โมซัมบิก
ของชอบผมเลยล่ะ
ผลไม้ก็มีหลากหลายแต่ส่วนมาจะนำเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้าน
บ่อเลี้ยงจรเข้สายพันธุ์แอฟริกา
สัตว์ประจำถิ่นเจอได้บ่อยเหมือนกัน เจ้ากิ้งก่าคาเมเลียน
ทิ้งท้ายด้วยภาพอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้าคงต้องขอลาสำหรับโพสต์นี้ครับ เจอกันใหม่โพสต์หน้านะครับถ้าสนใจอย่าลึม Comment เพื่อเป็นกำลังให้ผู้เขียนได้เล่าเรื่องราวที่บอกได้เลยว่ามีอีกเยอะๆๆๆๆจริงๆๆๆครับ
- End -
#กวีไกลบ้าน
เป็นกำลังใจให้ครับ ผมก็เพิ่งมาครั้งแรกครับแต่มาทางเรือ แล้วก็กำลังจะบินกลับไทยที่นี่...มีอะไรที่ต้องระวังเป็นพิเศษที่นี่รบกวนแนะนำด้วยครับ
ตอบลบยังอยู่ที่นั่นมั้ยคับ โทษทีตอบช้า เข้าไม่ได้มาสักพักแล้วคับ ไปมาแล้วมาเล่าสู่กันฟังบ้างครับ
ลบไปมาแล้วมาเล่าสู่กันฟังบ้างครับ ผมเข้ามาอ่านไม่ได้พักหนึ่งแล้ว ขออภัยด้วยที่ตอบช้า
ลบผมกำลังจะไปครับ ขอบคุณมาก
ตอบลบอ่านเรื่องที่คุณเขียนมาน่าสนใจตรงความต้องการทุกหัวข้อเลยพอดีทำเรื่องคนไทยไกลบ้านอยู่พอดีเขียนมาเยอะเลยแต่คุณไปทำงานที่นั่นหลายปีแล้วนะปัจจุบันไม่รู้เจริญขึ้นกว่านี้หรือป่าวพอดีมีเพื่อนทำงานอยู่ที่สถานฑูตที่นั่นด้วย
ตอบลบปัจจุบันผมกลับมาบ้านเราแล้วครับ
ลบเวลานี้ที่นั่นน่าจะเจริญขึ้นเยอะโดยเฉพาะเมืองหลวง
ปล.อาจเข้ามาตอบช้า ทิ้งข้อความไว้เลยคับเดี๋ยวแวะเข้ามาดูบ่อยๆ
ตอนผมไปอยู่แรกๆยังไม่มีสถานทูตเลยครับจะทำเอกสารกันทีต้องข้ามไปถึงประเทศแอฟริกาใต้ แต่ก่อนผมกลับสถานฑูตกำลังจะสร้างเสร็จพอรู้จักคนสถานฑูตอยู่ครับ
ลบตอนนี้ผมก็ทำงานอยู่กับบริษัทbonatti ประเทศกำลังพัฒนาครับ
ตอบลบตอนนี้ยังอยู่ที่เดิมมั้ยครับ
ลบ