หลังจากตอนที่แล้วได้รับความสนใจเป็นอย่างดีต้องขอขอบคุณไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ โดยได้มีคนเข้ามาอ่านหลายร้อยคนจากหลายประเทศ
ดังนั้น ตามสัญญาครับจะเล่าเรื่องต่อเพื่อให้เพื่อนๆพี่ๆ
ผู้สนใจได้อ่านเพื่อจะได้รู้จักประเทศนี้มากขึ้น...งั้นเริ่มเดินไปด้วยกันเลยครับ
“ย่ำก้าวย่างทางเดินอันแสนไกล ถิ่นจากไปคือเมืองไทยแสนสุขขี
จากมาไกลแสนไกลนานนับปี ร้ายหรือดีต่อไปนี้ขอฝ่าพัน...ตามฝันที่ตั้งใจ”
ก่อนอื่นเลยก่อนที่เราจะไปเที่ยวที่ไหนหรือไปบ้านใครเราก็ต้องรู้จักเขาก่อนใช่มั้ยครับที่นี่ก็เหมือนกันผมจะแนะนำให้ท่านรู้จักกับเมืองเล็กๆเมืองหนึ่งทางตอนเหนือของสาธารณรัฐโมซัมบิกนามว่าจังหวัดเตเต้ (TETE) บางคนอ่านเทเต้ บางคนอ่านเตท ส่วนผมขอเป็นเตเต้แล้วกันนะถ้าอ่านอย่างอื่นมันจะรู้สึกแปลกๆ ครับ
จังหวัดเตเต้มีพื้นที่ทั้งหมด 98,417 ตารางกิโลเมตร มีประชากรอาศัยประมาณ 1,783,967 คน ที่ตั้งตามพิกัดภูมิศาสตร์อยู่ที่ 15 30'S, 32 30'E มีแม่น้ำที่สำคัญคือแม่น้ำแซมเบซี่ (Zambezi River)ไหลผ่านทั้งตัวจังหวัด ซึ่งแม่น้ำสายนี้มีต้นกำเนิดมาจากน้ำตกวิคตอเรีย(Victoria Falls) น้ำตกที่มีชื่อเสียงระดับโลกอยู่ที่ประเทศซิมบับเว (Zimbubwe)และประเทศแซมเบีย(Zambia)ซึ่งอาณาเขตติดต่อกับประเทศโมซัมบิก
รายละเอียดเพิ่มเติม>>Click
แม่น้ำ Zambezie
Google Earth View (สะพานแขวนข้ามแม่น้ำ)
สะพานแขวนเข้าเมือง
โดยมีจุดที่มีสะพานรถไฟข้ามแม่น้ำสายนี้ซึ่งเส้นทางรถไฟสายนี้เป็นเส้นทางหลักที่ใช้สำหรับขนถ่านหินไปส่งที่ท่าเรือของอีกเมืองและเป็นสะพานรถไฟที่ยาวที่สุดในแอฟริกาครับโดยความยาวประมาณ 3 กิโลเมตรแถวเมือง Mutarara (ห่างจากเมืองเตเต้ออกไปประมาณ 270 กิโลเมตร)
สะพานรถไฟที่ยาวที่สุดในแอฟริกาความยาวประมาณ 3 กิโลเมตร
โดยที่นี่ก็มีมีเขื่อนที่ใหญ่ที่สุดในโมซัมบิกตั้งอยู่ที่จังหวัดนี้ด้วยและใช้เป็นสถานที่ผลิตไฟฟ้าโดยพลังงานน้ำตั้งอยู่ทางตอนเหนือของจังหวัดและเป็นแหล่งพลังงานไฟฟ้าที่สำคัญสำหรับประเทศนี้ทั้งยังส่งไปขายยังประเทศเพื่อนบ้านได้อีก
เขื่อน Cahora Bassa
แม่น้ำแซมเบซี่นับเป็นแหล่งนำที่สำคัญสำหรับผู้คนที่อยู่อาศัยสองข้างของฝั่งบ้างก็เอาน้ำไปรดน้ำผัก บ้างก็เอาน้ำไปกินหุงหาอาหาร แต่ที่เห็นบ่อยๆก็จะใช้แม่น้ำสายนี้เป้นแหล่งหาปลา ซักผ้า อาบน้ำ ล้างจานและอื่นๆเท่าที่จะใช้ประโยชน์จากมันได้
อีกทั้งแม่น้ำสายนี้มีทั้งสัตว์น้ำมากมายที่พอจะนำมาทำอาหารและก็มีทั้งสัตว์ที่ดุร้ายอย่างเช่นจระเข้ งูหลากหลายชนิดและฮิปโป(ตามสถิติฮิปโปจะเป็นสัตว์ที่ดุร้ายกว่าจระเข้และฆ่าคนมากกว่า)ซึ่งเป็นสัตว์ประจำถิ่นและเป็นเจ้าของแม่น้ำสายนี้มานานแล้ว บางครั้งก็มีมาลอยคอให้เห็นกันบ้างผมก็เคยเห็นจะจะตอนไปยืนข้างแม่น้ำอยู่ดีดีฮิปโปก็โผล่หัวขึ้นมา Say Hi! แบบไม่ทันตั้งตัวไม่รู้ว่าจะวิ่งหนีหรือจะถ่ายรูปมันดี แต่ก็ไม่ทันล่ะโผล่มาแว็บเดียวแล้วก็ไปโผล่อีกทีที่ไกลๆไปแล้ว
เจอแบบนี้เป็นคุณจะกล้าลงเล่นน้ำมั้ยครับ?? ตื่นเต้นดีนะ
ตื่นเต้นดีมั้ยล่ะครับไม่ต้องไปถึงสวนสัตว์ก็มีมาให้เห็นใกล้ๆ มันได้ฟิวไม่เบาเลยนะนี่แหละแอฟริกาที่ผมฝันถึง มันต้องแบบนี้แต่ถ้าเป็นจระเข้มาโผล่ต่อหน้าคงต้องวิ่งหนีอย่างเดียวล่ะครับตัวใครตัวมันล่ะงานนี้ ถ้าถามคนที่นี่หรือลูกน้องที่ทำงานด้วยกันเขาก็บอกว่าจระเข้กินวัว แพะ ไปหลายตัวแล้วบางทีก็กินคนซึ่งลูกน้องที่ทำงานเขาบอกว่าญาติเขาก็โดนจระเข้กินไปเมื่อไม่นานมานี้เอง เชื่อได้มั้ยน่ะหรือผมว่าคงต้องเชื่อแล้วล่ะเพราะบางครั้งก็เคยเห็นจระเข้ขึ้นมานอนเล่นแถวบริเวณลานทรายกลางแม่น้ำ คนก็เล่นน้ำล้างถ้วย ล้างชาม ซักผ้า อยู่อีกฝั่งแบบเหมือนเป็นเรื่องปกติที่คนต้องใช้ชีวิตร่วมกับจระเข้ถ้ามันไม่หิวคุณก็รอดแต่ถ้าวันไหนมันหิวขึ้นมาก็คงต้องเสี่ยงดวงเอาแล้วกันนะ อย่างที่บอก”คนเรามันเลือกเกิดไม่ได้จริงๆ”ถ้าคุณมาอยู่ตรงนี้ประเทศนี้ก็ต้องคงดำเนินชีวิตแบบนั้นตามสภาพธรรมชาติที่พระเจ้าเขาประทานให้ท่านมาหรือเรียกว่า ตามเวรตามกรรม ตามความเชื่อของศาสนาพุทธของเราครับ
อาหารการกินของคนที่นี่ก็เป็นแบบง่ายๆ พอมีพอกินไปวันๆ หาปูหาปลาปลูกอ้อยปลูกข้าวโพดปลูกมัน ได้บ้างไม่ได้บ้างแล้วแต่พื้นที่ พื้นที่ไหนมีน้ำให้มันกินมันก็จะโตดีหน่อยส่วนพื้นที่ไหนไม่มีก็ต้องลุ้นเอาครับว่างวดนี้จะได้กินหรือเปล่า ชีวิตที่นี่เป็นแบบเรียบๆ ช้าๆ ไม่รีบจริงๆครับ ร้านค้าหรือหน่วยงานราชการก็ไม่ค่อยง้อลูกค้าเท่าไรเปิดช้าปิดเร็วเวลาพักเที่ยงของที่นี่พัก 2 ชั่วโมง(12:00-14:00)ครับ ส่วนถ้าคุณจะไปสั่งอาหารกินที่ร้านนะหรืออาจต้องทำใจรอหน่อยนะครับอย่างต่ำ 1 ชั่วโมงคุณจะได้ไก่ย่างหนึ่งตัวหรือไม่ก็ปลาดำมาตัวนึง
คนที่นี่ชอบกินขนมปังเป็นอาหารหลักและหาทานได้ง่านหากท่านต้องการชิม ผมเคยลองดูแล้วมันหอมและรดชาดก็พอใช้ได้เลยแต่ต้องกินตอนร้อนนะ
เรียกว่า ชิม่า รดชาดจืดๆ(แป้งข้าวโพดเอามาคนๆ) กินกับอะไรก็ได้
ส่วนเรื่องการกีฬาก็มีฟุตบอล(เอาถุงพลาสติกดำมาห่อหลายๆชั้นเพื่อทำเป็นลูกฟุตบอล)ให้เล่นบ้างแต่ที่พวกเรานิยมออกไปเล่นบ่อนเวลาวันหยุดก็คือโต๊ะพูล มีให้เล่นอยู่ทั่วไปเกมส์ละสิบเมติกาลครับบางวันอาจมีคิวยาวหน่อยต้องรอ ถามว่าเล่นเป็นมั้ย? ป่าวคับผมมายืนดูเขาเล่นมากกว่า
เอาคร่าวพอรู้แค่นี้ก่อนละกันนะครับ ทีนี้ก็เริ่มเดินทางกันต่อ ตามผมมาเลยครับแน่นอนครับพวกเรามาที่นี่โดยเครื่องบินครับแต่ถ้าท่านอยากเดินทางโดยรถยนต์ก็มาได้ครับแค่ 2 วันกับอีก 1 คืนเอง
จำได้ว่าตอนนั้นเป็นเวลากลางคืนมีพี่ที่ทำงานขับรถมารับซึ่งสนามบินก็อยู่ไม่ไกลจากที่พักเท่าไร แน่นอนครับความห่างไกลยิ่งพาให้คิดถึงบ้าน ครั้นเมื่อถึงที่พักไม่ทันได้เก็บของเข้าห้องสิ่งแรกที่ทุกคนทำก็คือโทรหาคนที่บ้านที่เมืองไทย โชคดีหน่อยที่เราสามารถใช้อินเตอร์เนตได้(เป็นบางเวลา)และ Application ยอดฮิตในตอนนี้จนถึงตอนนี้ก็คงจะเป็น Line แต่ถ้าท่านพอมีตังค์หน่อยต้องการโทรสายตรงถึงไทยจ่ายนาทีละ 75 บาท (ขึ้นกับเครือข่ายที่ให้บริการ) แต่เชื่อได้เลยว่านี่เป็นทางเลือกสุดท้ายสำหรับผมแน่นอน 555
บ้านพักหลังที่ 2 อยู่ติดแม่น้ำแซมเบซี
อรุณรุ่งที่เมืองใหม่
จากไทยมาได้ไม่นานก็ต้องไปทำงานตามที่ได้รับมอบหมาย
ย้ำอีกครั้งมาที่นี่เพื่อทำงานนะครับส่วนที่ได้เที่ยวถือว่าเป็นผลพลอยได้ละกัน..อิอิ
ตื่นเช้ามาพ่อครัวก็ทำกับข้าวใส่บรรจุใส่กล่องสำหรับเดินทางวันนี้ อุปกรณ์พร้อมสีสวยถูกใจใช่มั้ยล่ะ ชอบๆ
ออ..ลืมบอกบริษัทใจดีมีส่งคนไทยมาทำกับข้าวให้กินทุกมื้อด้วยครับ ออกจากบ้านเดินทางด้วยรถยนต์คันใหม่เอี่ยมพร้อมคนขับเจ้าถิ่น อ้ออย่าลืมนะว่าที่นี่เขาใช้ภาษาโปรตุเกสในการสื่อสารแต่โชคดีหน่อยคนขับรถบางคนยังพูดภาษาอังกฤษได้แต่โชคร้ายคือตัวผมเองที่ไม่ค่อยคล่องภาษาเท่าไรแต่ก็พอ Snake Snake Fish Fish ภาษาบ้านเราก็พองูงูปลาปลาไปได้ พ่วงมาด้วยGPS
มือถือขนาดจิ๋วต้องมีคู่กายตลอดจะหวังเพิ่งโทรศัพท์น่ะหรือครับไม่มีทางถ้าออกจากตัวเมืองเข้าไปในป่าจะไม่มีแม้แต่สัญญาณโทรศัพท์ในบางพื้นที่ให้ท่านใช้เลย
ถนนโล่งไม่มีรถติดเหมือนกรุงเทพบ้านเราสองข้างทางเต็มไปด้วยต้นเบาบับขาใหญ่ประจำถิ่นยืนรับตะวันอยู่หลายชั่วอายุคน ลำต้นของมันใหญ่มากบางต้นต้องใช้เป็นสิบคนโอบเลยล่ะ แต่เชื่อมั้ยเนื้อไม้ไม่สามารถนำมาทำไรได้เลยชาวบ้านนิยมกินลูกของมันมีรสชาดคล้ายมะขาม เขาบอกเอาไว้กินเวลาเดินทางไกลๆแก้กระหายน้ำได้ดีนักแล
สิ่งมีชีวิตมากมายต่างพากันออกหากินดำเนินไปแบบเรียบง่ายดูแล้วสงบไม่เร่งรีบ
มีทั้งแพะและฝูงวัวเดินกันไปมาตลอดเส้นทางบ้างครั้งรถจะต้องหยุดเพื่อให้วัวห้ามถนนไปก่อนรถถึงจะไปต่อได้
(ทำไงได้เรามันแค่คนมาเยือนก็ต้องยอมเจ้าถิ่นเขา)
ครั้นผ่านฝูงวัวได้สักพักก็ต้องตะลึงกับภูเขาดำทะมึนลูกใหญ่กองเรียงอยู่ข้างหน้านั่นคือกองถ่านหินเพราะที่นี่เต็มไปด้วยเหมืองถ่านหินที่สำคัญส่งออกไปหลายประเทศทั่วโลก
เรามาอยู่ท่ามกลางเหมืองถ่านหินหรือเนี่ย??อากาศที่นี่จึงไม่ค่อยสะอาดเท่าไรมีบริมาณฝุ่นอยู่ในอากาศค่อนข้างเยอะ
บ้านเรือนผู้คนอยู่ไม่ไกลจากเหมืองถ่านหินมากนักชีวิตมากมายต้องมาเสี่ยงตายโดยไม่รู้ตัวเพราะนายทุนอีกแล้ว??
และเหมือนกันเกือบทุกประเทศไม่เว้นแต่ประเทศเรา แน่นอนเมื่อมีเหมืองก็ต้องมีรถขนส่งออกซึ่งที่นี่มีสองทางเลือกก็คือขนส่งโดยรถยนต์และขนส่งโดยรถไฟแต่หลักที่ต้องส่งไปขายไกลๆก็คงต้องเป็นตู้ยาวๆเรียงรายบนรางนั่นคือ"รถไฟ”นั่นเอง ทีนี้เราลองมาดูลักษณะยานพาหนะสำหรับขนส่งถ่านหินแต่ละรูปแบบกันครับ
และเหมือนกันเกือบทุกประเทศไม่เว้นแต่ประเทศเรา แน่นอนเมื่อมีเหมืองก็ต้องมีรถขนส่งออกซึ่งที่นี่มีสองทางเลือกก็คือขนส่งโดยรถยนต์และขนส่งโดยรถไฟแต่หลักที่ต้องส่งไปขายไกลๆก็คงต้องเป็นตู้ยาวๆเรียงรายบนรางนั่นคือ"รถไฟ”นั่นเอง ทีนี้เราลองมาดูลักษณะยานพาหนะสำหรับขนส่งถ่านหินแต่ละรูปแบบกันครับ
ลัดเลาะตามเส้นทางหลักสำหรับขนส่งมาสักพักเราก็ต้องเลาะเข้าป่าแล้วล่ะทีนี้
ทางค่อยๆเล็กลง เล็กลงจนบางครั้งมองทางแทบจะไม่เห็นหรือไม่มีทางไปเราก็ยังเข้าไป
ทำไงได้เรานักสำรวจนี่ครับ เข้าไปในป่าลึกมีต้นไม้สูงใหญ่สลับกันบ้างถูกโค่น
บ้างถูกเผา บ้างถูกตัดล้มเกลื่อนกระจัดกระจายทั่วบริเวณ
อย่างที่บอกครับที่นี่ทรัพยากรเยอะก็จะมีประเทศมหาอำนาจจากเอเชียมาจับจองพื้นที่เก็บเกี่ยวผลประโยชน์เข้าประเทศตัวเองไปเกือบหมดแล้ว
บางจุดเราเข้าไปไม่ได้เพราะมีเจ้าของพื้นที่แล้วแต่แปลกใจตั้งที่เป็นป่าผืนใหญ่แต่ทำไมบอกว่ามีเจ้าของแล้ว
นั่นคงเป็นเรื่องของผู้ใหญ่บ้านเมืองล่ะครับ
เดินลัดเลาะมาเรื่อยๆตามทางรถไฟ อย่างที่บอกครับอากาศที่นี่หน้าร้อนนี่ร้องสุดสุดอยู่แล้ว ความร้อน ณ ตอนนั้นนะหรอครับบอกไม่ได้เลยว่าแค่ไหนแต่ที่รู้รู้คือต้องยกน้ำมาซดเพื่อดับกระหายตลอดทางที่เดินมา ถ้าเจอแม่น้ำใสๆอยากแก้ผ้ากระโดดลงไปแช่ให้ชุ่มฉ่ำใจกันเลยทีเดียว มันร้อนจริงเมื่อรวมกันเข้ากับระหว่างแดดที่แผดเผากับเหล็กกล้าที่รองรับล้อรถไฟแต่พวกเราก็เดินมาเรื่อยๆตั้งแต่เช้ายันค่ำบางคืนปาเข้าไปสองทุ่มก็มี บรรยากาศสองข้างทางน่ะหรือมีให้ชมหลากหลายมาก มีทั้งป่ารกทึบ มีแปลงเกษตรของชาวบ้าน มีหมู่บ้านน้อยใหญ่ แต่ที่น่ากลัวที่สุดคือท่านต้องคอยระวังพวกสัตว์เลื้อคลานประจำถิ่นที่มันมีพิษร้ายแรงมากนั่นคือ "งู" ซึ่งที่นี่ก็มีงูหลากหลายสายพันธุ์มากแต่ที่ร้ายแรงที่สุดก็พวกงูเห่าพ่นพิษหรือไม่ก็ Black mamba ที่มีพิษร้านแรงที่สุดแค่โดนกัดคุณก็ตายภายในไม่กี่นาที ผมเคยเจอถือว่าร้ายที่สุดก็คงเป็น Green mamba เจอแล้วทำอย่างไรน่ะหรอ? วิ่งกันป่ากระเจิงสิครับ แต่อุปกรณ์ป้องกันงูเราก็มีนะครับเป็นเหมือนสนับแข้งนักฟุพบอลเราต้องใส่มันตลอดในตอนแรกๆที่เดินสำรวจและต้องมีรองเท้าเซฟตี้หัวเหล็กเพื่อป้องกันตัวเองกันทุกคนก่อนออกปฏิบัติงานเสมอครับ
งั้นแวะมาเข้าเรื่องของเราต่อ ยังไปไม่ถึงไหนเลยขอแวะกินข้าวเที่ยงงก่อนละกันวันนึงเดินทางไปได้ไม่ค่อยไกลเท่าไหร่เลย กล่องข้าวน้อยช่วยเราไว้อีกแล้วมื้อนี้ บางทีไม่จำเป็นต้องมีอาหารหรูๆ ชีวิตเราก็อยู่ได้ กินเพื่อยู่ครับไม่ได้อยู่เพื่อกิน และบางครั้งถ้าคุณไม่มีตัวเลือกคุณจะเลือกยัดอะไรสักอย่างเข้าปากของคุณเพื่อให้ชีวิตเราพออยู่ได้ไปวันๆ ปลากระป๋องไข่เจียวที่พวกเราถือไปกินเวลาออกสำรวจนี่มันเป็นอาหารชั้นยอดเลยล่ะครับถ้าเทียบกับที่คนที่นั่นเขามีกินกัน เออ..ตอนผมไปสำรวจผมจะพกลูกอมถุงใหญ่ไปด้วยเสมอเพื่อแจกเด็กๆ ที่พบเจอตามสองข้างทางและหมู่บ้านห่างไกล คุณเชื่อมั้ยเด็กบางคนไม่เคยแม้แต่จะได้กินลูกอมที่ผมซื้อมา บางหมู่บ้านให้แล้วต้องขับรถหนี ทำไมถึงหนีหรือครับ?? มันไม่พอจริงๆที่จะแจกเด็กทั้งหมดที่มาเฝ้ารอของแจกจากพวกเรา โอกาศของคนเรามีไม่เท่ากันจริงๆ คนมีก็มีจนเยอะมากคนที่ไม่มีก็ไม่มีอะไรเลย โลกมันชั่งไม่ยุติธรรมเอาเลยคุณว่ามั้ย หรือนี่เป็นกรรมของเราที่จะต้องมาชดใช้ในชาตินี้??
กินข้าวเสร็จก็เดินทางต่อ
เจอทั้งแม่น้ำ (แต่ไม่มีน้ำ) เจอทั้งภูเขา (แต่ไม่มีต้นไม้) เจอทั้งหมู่บ้านใหญ่
(แต่ไม่มีคนอยู่) ฟังแล้วดูแปลกใช่ไหมคับใช่มันแปลกมากครับน้ำแทบจะไม่มีกิน
ไม่มีระบบชลประทาน ไม่มีนักอนุรักษ์เหมือนบ้านเรา
ชาวบ้านก็อยู่กันตามยฐากรรมทั้งเด็กเล็กเด็กน้อยต่างเทินถังน้ำไว้บนหัวเดินมากันเป็นแถวยืนรายล้อมที่หลุมทรายเล็กๆเพื่อตักตวงน้ำไปใช้กินดื่ม
ผมเห็นบรรยากาศแบบนี้ทุกครั้งที่ออกไปสำรวจและเป็นแบบนี้เกือบทุกพื้นที่ รถเราวิ่งผ่านหมู่บ้านน้อยใหญ่บรรยากาศสองข้างทางก็มีหลากหลายรูปแบบมีทั้งร้านค้า
ตลาดชุมชน ผู้คนเดินไปมา ดูแล้วก็ตื่นตาตื่นใจดีสำหรับผู้มาเยือนอย่างผม
แน่นอนครับการเดินทางที่แสนยาวบางครั้งผมก็ต้องไปพักระหว่างทางเพื่อจะสำรวจตามเป้าหมายที่วางไว้ให้เสร็จแต่การเดินทางมักมีอุปสรรค์เสมออย่างเช่นรถติดหล่มนี้เจอบ่อยและที่เจอบ่อยมากไม่ว่าเมืองไหนและมักมีปัณหากับคนต่างชาติอย่างพวกเราก็คือเจอตำรวจตรวจเอกสารและผมโดนบ่อยที่สุดในบรรดาทีมที่มาด้วยกัน(หลายคนบอกนี่เป็นเพราะดวงผมไม่ดี)แต่คิดมาคิดไปผมเจอเรื่องแย่ๆที่นี่ที่เกิดขึ้นกับตัวผมหลายเหตุการณ์มาก ตั้งไฟไหม้บ้าน ตำรวตจับ และโดนไข้มาลาเรียเล่นงาน กลับบ้านทุกครั้งก็เลยต้องรีบเข้าวัดไปทำบุญบ่อยๆ(เหมือนจะเริ่มคล้อยตามเสียงส่วนใหญ่ซะแล้วสิเรา) ส่วนที่พักระหว่างทางก็มีหลากหลายรูปแบบเพราะผมต้องย้ายไปหลายที่ ทุกครั้งที่ต้องไปพักระหว่างทางเราก็ต้องเสบียงอาหารกันไปเยอะหน่อยเพราะจะไปหวังพึ่งน่ำบ่อหน้า ดูแล้วคงไม่ไหวแน่นอน ลักษณะที่พักก็จะเป็นห้องเล็กๆ น้ำก้มีใช้แต่ดูก้นถังแทบไม่เห็นนึกว่าเป็นน้ำชาเย็นเลยล่ะครับ ที่นี่ก็พอมีเตียงเล็กๆแต่ที่สำคัญต้องมีมุ้งไว้ป้องกันยุงเป็นสำคัญ
รถติดหล่มที่เจอบ่อยมาก
POLICIA
ตะวันเริ่มเคลื่อนตัวลงต่ำนั่นคือบ่งบอกว่าเราต้องเตรียมตัวกลับบ้านแล้วสำหรับวันนี้ หมดไปอีกวันสำหรับชีวิตต่างแดนแต่มันคงไม่สูญเปล่าเพราะวันนี้เราได้เจออะไรมามากมายเหลือเกินและนั่นมันก็จะกลายเป็นความทรงจำที่มีคุณค่าสำหรับตัวคุณเองอย่างหนึ่งซึ่งหาซื้อที่ไหนไม่ได้อีกแล้วบรรยากาศตะวันลับขอบฟ้าของถิ่นนี้ช่างสวยงามซะเหลือเกิน ขธรที่นี่อากาศลับขอบฟ้าฝั่งแผ่นดินแม่คงจะหลับกันหมดแล้ว นั่งรถต่อไปเพื่อกลับยังที่พักครับแต่ถ้าคืนไหนโชคดีหน่อยอาจได้กระต่ายป่ากลับบ้านมาด้วยเป้นของแถม อันนี้ของชอบของคนขับรถของเราเลยครับ แต่ผมกินไม่เป็นและก้ไม่เคยลองกินด้วย ถึงที่พักแล้ววันนี้ ขอพักผ่อนก่อนล่ะกันนะครับ เจอกันใหม่วันหน้าที่เมืองเกลิมาน (Quelimane, Zambezia Province) ยังมีเรื่องราวอีกเยอะจะมาเล่าให้ฟังครับ
ทิ้งท้าย...สำหรับเรื่องราวที่หลากหลายรอให้ท่านผู้สนใจเข้ามาศึกษาเข้ามาอ่านในบทความนี้และบทความต่อไป(ถ้าผมมีเวลา)จะมาเล่าเรื่องให้ฟังต่ออีกหลายเรื่องครับ ทั้งเรื่องที่เกลิมาน เรื่องที่มาปูโต และเรื่องสถานที่ท่องเที่ยวกับประเทศเพื่อนบ้าน ยังไงก็ฝากติดตามบล๊อกผมไปเรื่อยๆนะครับ และขอบคุณทุกกำลังใจที่แวะมาดูมาอ่านจากหลายๆประเทศทั่วโลก อาจจะมีรูปเยอะให้ดูเยอะหน่อยเพราะผมไม่มีเวลามานั่งบรรยายทั้งหมด ผิดพลาดประการใด ขาดตกบกพร่องตรงไหนต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี่ด้วยนะครับ ด้วยเวลาที่จำกัดขอจบแค่นี้ก่อนละกันครับสำหรับบทความบทนี้ ครั้งหน้าค่อยมาเล่าเรื่องกันต่อ แสดงความคิดเห็นได้ครับ ผู้เขียนยอมรับทุกความคิดเห็นและจะได้นำไปแก้ไขเพื่อพัฒนารูปแบบการเขียนให้ผู้อ่านที่สนใจเข้าใจเนื้อหาตามที่ผู้เขียนนำเสนอด้วยครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น